อาสาฬหะ เป็นชื่อของดาวฤกษ์กลุ่มหนึ่ง เมื่อดวงจันทร์ผ่านกลุ่มดาวอาสาฬหะ เรียกว่าพระจันทร์เสวยอาสาฬหฤกษ์ เป็นระยะที่ตรงกับวันเพ็ญเดือน 8 ของไทย ก่อนวันเข้าพรรษา 1 วัน เป็นวันที่พุทธศาสนิกชนแสดงความเคารพต่อพระพุทธศาสนา โดยเฉพาะพระสงฆ์
อาสาฬหบูชาย่อมาจากคำว่า “อาสาฬหปุรณมีบูชา” แปลว่า การบูชาพระในวันเพ็ญเดือน 8 ถ้าปีใดมีเดือน 8 สองครั้ง ก็จะ เลื่อนไปเป็นวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 8 หลัง เหตุการณ์อันเนื่องจากองค์สัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ตรัสรู้ในวันเพ็ญ เดือน 6 แล้ว ได้ทรงใช้เวลาทบทวนสิ่งที่พระองค์ตรัสรู้และทรงคำนึงว่าธรรมะที่พระองค์ตรัสรู้นี้ลึกซึ้งมาก ยากที่ผู้อื่นจะรู้ตาม แต่อาศัยพระกรุณานี้เป็นที่ตั้ง ทรงพิจารณาแบ่งบุคคลออกเป็น 4 ประเภท เปรียบเสมือนบัว 4 เหล่า ได้แก่
1. อุคฆฏิตัญญู ดอกบัวที่อยู่พ้นน้ำ เมื่อได้รับแสงจากดวงอาทิตย์ก็จะบานเปรียบเสมือนผู้ทีได้ฟังธรรมก็จะตรัสรู้ตาม
2. วิปัจจิตัญญู ดอกบัวที่อยู่ปริ่มน้ำเปรียบเสมือนผู้ทีได้ฟังธรรมอย่างพิสดารโดยละเอียดแล้วก็จะตรัสรู้ได้
3. เนยยะ ดอกบัวที่อยู่กลางน้ำเปรียบเสมือนผู้ทีได้ฟังธรรมพิสดารโดยละเอียดแล้วนำไปท่อง ฝึกปฏิบัติ อย่างสม่ำเสมอก็จะตรัสรู้ตามได้
4. ปทปรมะ ดอกบัวที่จมอยู่กับโคลนตมเปรียบเสมือนผู้ทีได้ฟังธรรมพิสดารโดยละเอียดแล้วนำไปท่องฝึกปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอก็ไม่สามารถจะรู้หรือไม่เข้าใจในหลักคำสอน
เมื่อพระองค์พิจารณาอย่างนี้แล้ว ทรงมีพระกรุณาธิคุณ ระลึกอาฬารดาบสและอุททกดาบสว่า มีกิเลสเบาบางสามารถตรัสรู้ได้ทันที แต่ท่านทั้ง 2 ได้ตายแล้ว ทรงระลึกถึงปัญจวัคคีย์ พระพุทธเจ้าได้เดินทางไปแสดงพระธรรมเทศนาแก่ปัญจวัคคีย์ ทั้ง 5 คือ โกณฑัญญะ วัปปะ ภัททิยะ มหานามะ และอัสชิ ซึ่งล้วนแล้วแต่ เป็นผู้อุปฐากพระพุทธเจ้าเมื่อครั้งยังทรงบำเพ็ญทุกข์กิริยาอยู่ พระธรรมที่ พระพุทธองค์ทรงเทศนาในครั้งนี้มี ชื่อ ธรรมจักกัปปวัตนสูตร ซึ่งมี อริยสัจ 4 คือ ความจริงอันประเสริฐ ความจริงของพระอริยะ ความจริงที่ทำให้ผู้เข้าถึงกลายเป็นพระอริยะ เป็นผู้ประเสริฐได้ อริยสัจ 4 ประกอบด้วย
1. ทุกข์ ( ธรรมที่ควรรู้ ) หมายถึง ความรู้สึกไม่สบายกาย ไม่สบายใจ ความเศร้าโศกเสียใจ เป็นสภาพบีบคั้นจิตใจและร่างกายให้ทนได้ยาก เมื่อทุกข์เกิดขึ้น บุคคลจะไม่สามารถละหรือคลายทุกข์ได้ ทุกข์จึงเป็นสภาวะที่จะต้องกำหนดรู้เพียงอย่างเดียวว่า นี้คือความทุกข์หรือปัญหาและต้องยอมรับความเป็นจริงว่าเป็นธรรมดาของสัตว์โลกต้องปล่อยวางจึงจะทำให้ทุกข์บางเบาลงได้
2. สมุทัย (ธรรมที่ควรละ ) หมายถึง ต้นเหตุที่ให้เกิดทุกข์หรือปัญหา ซึ่งได้แก่ ความต้องการหรือที่เรียกว่าตัณหา มี 3 ประกายคือ กามตัณหา คือความปรารถนาในกามไม่หยุดหย่อน ภวตัณหา คือความอยากมีอยากเป็นไม่เพียงพอ และวิภวตัณหา คือความไม่อยากมีไม่อยากเป็นจนทุกข์
3. นิโรธ ( ธรรมที่ควรบรรลุ ) หมายถึง สภาวะที่ทุกข์หมดสิ้นไป สภาพที่ปราศจากทุกข์ มีแต่ความสงบร่มเย็น สภาวะที่จัดเป็นนิโรธนี้ถือเป็นที่สูงสุดในการปฏิบัติธรรมของชาวพุทธ เป็นยอดปรารถนาของคนทั่วไปคือความดับทุกข์
4. มรรค ( ธรรมที่ควรเจริญ ) หมายถึง ข้อปฏิบัติที่เป็นเหตุให้ถึงความดับทุกข์ ได้แก่ มรรคมีองค์ 8 ประการมีสัมมาทิฐิ คือความเห็นชอบ เป็นต้น
โดยมรรคทั้ง 8 ประการนี้บุคคลจะต้องปฏิบัติให้เกิดมีขึ้นในตนครบทั้ง 8 ประการจึงสามารถถึงความดับทุกข์ได้ หลังจากแสดงพระธรรมเทศนาแล้ว ท่านโกณฑัญญะได้ดวงตาเห็นธรรม เป็นคนแรก ได้กราบทูลขอบวชและพระพุทธองค์ก็ทรงอนุญาต โดยทรงทำการอุปสมบทให้แบบ เอหิภิกขุอุปสัมปทา นับเป็น “ปฐมสาวก” ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ดังนั้นในวันนี้จึงเป็นวันแรกที่มี พระรัตนตรัยครบองค์สาม คือ พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ เนื่องจากพระพุทธองค์ทรงเทศนาเป็นกัณฑ์แรก จึงเรียก พระธรรมเทศนา กัณฑ์นี้ว่า “ปฐมเทศนา” หรืออีกนัยหนึ่งอาจจะกล่าวได้ว่านับเป็นวันแรก ที่พระพุทธเจ้าทรงประกาศพระพุทธศาสนาจะเห็นได้ว่า ปรากฏการณ์สำคัญ ๆ ในวันนี้มีถึง 4 ประการ ด้วยกันคือ
1. เป็นวันที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงปฐมเทศนา คือ แสดงธรรมเป็นครั้งแรก
เพื่อโปรดเหล่าปัญจวัคคีย์ทั้ง 5 ได้แก่ อัญญาโกณฑัญญะ วัปปะ ภัททิยะ มหานามะ และอัสสชิ ณ ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน แขวงเมืองพาราณสี พระธรรมกัณฑ์แรกมีชื่อว่า ธรรมจักกัปปวัตนสูตร ซึ่งมีใจความสำคัญกล่าวถึงอริยสัจ หรือความจริงอันประเสริฐ 4 ประการ
2. เป็นวันแรกที่พระพุทธองค์ทรงได้ปฐมสาวก การแสดงธรรมครั้งแรกนี้ พระอัญญาโกณฑัญญะ ได้ฟังพระธรรมเทศนาธรรมจักกัปปวัตนสูตรแล้ว บังเกิดดวงตาเห็นธรรมทูลขอบวช ซึ่งพระพุทธองค์ประทานอนุญาตให้อุปสมบทเป็นภิกษุรูปแรกในพระพุทธศาสนา ด้วยวิธี เอหิภิกขุอุปสัมปทา เกิดพระสงฆ์รูปแรกขึ้นในโลก
3. เป็นวันแรกที่เกิดรัตนะครบสาม เป็นพระรัตนตรัย คือ พระพุทธรัตนะ พระธรรมรัตนะ พระสังฆรัตนะ
4. วันนี้เป็นวันคล้ายที่พระพุทธเจ้าทรงถือปฏิสนธิในพระครรภ์ของพระนางสิริมหามายา พระพุทธมารดา ในวันเพ็ญเดือนแปด ปีระกา ก่อนวันประสูติ 10 เดือน
วันอาสาฬหบูชาเป็นวันก่อนเข้าพรรษาและเป็นวันเริ่มต้นการทำบุญในระหว่างเข้าพรรษา ดังนั้นทางราชการจะถือเป็นวันหยุดราชการ พร้อมทั้งชักชวนให้ประชาชนประดับธงชาติตามอาคารบ้านเรือน วัดวาอารามและสถานที่ราชการ เพื่อให้ชาวพุทธได้เห็นความสำคัญและมีโอกาสร่วมทำบุญในวันนี้ ในตอนเช้าจะไปทำบุญที่วัด มีการทำบุญต่างๆ ตอนบ่ายมีการฟังเทศน์ ตอนค่ำจะมีการเวียนเทียน ฟังธรรม ที่วัด
อาสาฬหบูชาย่อมาจากคำว่า “อาสาฬหปุรณมีบูชา” แปลว่า การบูชาพระในวันเพ็ญเดือน 8 ถ้าปีใดมีเดือน 8 สองครั้ง ก็จะ เลื่อนไปเป็นวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 8 หลัง เหตุการณ์อันเนื่องจากองค์สัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ตรัสรู้ในวันเพ็ญ เดือน 6 แล้ว ได้ทรงใช้เวลาทบทวนสิ่งที่พระองค์ตรัสรู้และทรงคำนึงว่าธรรมะที่พระองค์ตรัสรู้นี้ลึกซึ้งมาก ยากที่ผู้อื่นจะรู้ตาม แต่อาศัยพระกรุณานี้เป็นที่ตั้ง ทรงพิจารณาแบ่งบุคคลออกเป็น 4 ประเภท เปรียบเสมือนบัว 4 เหล่า ได้แก่
1. อุคฆฏิตัญญู ดอกบัวที่อยู่พ้นน้ำ เมื่อได้รับแสงจากดวงอาทิตย์ก็จะบานเปรียบเสมือนผู้ทีได้ฟังธรรมก็จะตรัสรู้ตาม
2. วิปัจจิตัญญู ดอกบัวที่อยู่ปริ่มน้ำเปรียบเสมือนผู้ทีได้ฟังธรรมอย่างพิสดารโดยละเอียดแล้วก็จะตรัสรู้ได้
3. เนยยะ ดอกบัวที่อยู่กลางน้ำเปรียบเสมือนผู้ทีได้ฟังธรรมพิสดารโดยละเอียดแล้วนำไปท่อง ฝึกปฏิบัติ อย่างสม่ำเสมอก็จะตรัสรู้ตามได้
4. ปทปรมะ ดอกบัวที่จมอยู่กับโคลนตมเปรียบเสมือนผู้ทีได้ฟังธรรมพิสดารโดยละเอียดแล้วนำไปท่องฝึกปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอก็ไม่สามารถจะรู้หรือไม่เข้าใจในหลักคำสอน
เมื่อพระองค์พิจารณาอย่างนี้แล้ว ทรงมีพระกรุณาธิคุณ ระลึกอาฬารดาบสและอุททกดาบสว่า มีกิเลสเบาบางสามารถตรัสรู้ได้ทันที แต่ท่านทั้ง 2 ได้ตายแล้ว ทรงระลึกถึงปัญจวัคคีย์ พระพุทธเจ้าได้เดินทางไปแสดงพระธรรมเทศนาแก่ปัญจวัคคีย์ ทั้ง 5 คือ โกณฑัญญะ วัปปะ ภัททิยะ มหานามะ และอัสชิ ซึ่งล้วนแล้วแต่ เป็นผู้อุปฐากพระพุทธเจ้าเมื่อครั้งยังทรงบำเพ็ญทุกข์กิริยาอยู่ พระธรรมที่ พระพุทธองค์ทรงเทศนาในครั้งนี้มี ชื่อ ธรรมจักกัปปวัตนสูตร ซึ่งมี อริยสัจ 4 คือ ความจริงอันประเสริฐ ความจริงของพระอริยะ ความจริงที่ทำให้ผู้เข้าถึงกลายเป็นพระอริยะ เป็นผู้ประเสริฐได้ อริยสัจ 4 ประกอบด้วย
1. ทุกข์ ( ธรรมที่ควรรู้ ) หมายถึง ความรู้สึกไม่สบายกาย ไม่สบายใจ ความเศร้าโศกเสียใจ เป็นสภาพบีบคั้นจิตใจและร่างกายให้ทนได้ยาก เมื่อทุกข์เกิดขึ้น บุคคลจะไม่สามารถละหรือคลายทุกข์ได้ ทุกข์จึงเป็นสภาวะที่จะต้องกำหนดรู้เพียงอย่างเดียวว่า นี้คือความทุกข์หรือปัญหาและต้องยอมรับความเป็นจริงว่าเป็นธรรมดาของสัตว์โลกต้องปล่อยวางจึงจะทำให้ทุกข์บางเบาลงได้
2. สมุทัย (ธรรมที่ควรละ ) หมายถึง ต้นเหตุที่ให้เกิดทุกข์หรือปัญหา ซึ่งได้แก่ ความต้องการหรือที่เรียกว่าตัณหา มี 3 ประกายคือ กามตัณหา คือความปรารถนาในกามไม่หยุดหย่อน ภวตัณหา คือความอยากมีอยากเป็นไม่เพียงพอ และวิภวตัณหา คือความไม่อยากมีไม่อยากเป็นจนทุกข์
3. นิโรธ ( ธรรมที่ควรบรรลุ ) หมายถึง สภาวะที่ทุกข์หมดสิ้นไป สภาพที่ปราศจากทุกข์ มีแต่ความสงบร่มเย็น สภาวะที่จัดเป็นนิโรธนี้ถือเป็นที่สูงสุดในการปฏิบัติธรรมของชาวพุทธ เป็นยอดปรารถนาของคนทั่วไปคือความดับทุกข์
4. มรรค ( ธรรมที่ควรเจริญ ) หมายถึง ข้อปฏิบัติที่เป็นเหตุให้ถึงความดับทุกข์ ได้แก่ มรรคมีองค์ 8 ประการมีสัมมาทิฐิ คือความเห็นชอบ เป็นต้น
โดยมรรคทั้ง 8 ประการนี้บุคคลจะต้องปฏิบัติให้เกิดมีขึ้นในตนครบทั้ง 8 ประการจึงสามารถถึงความดับทุกข์ได้ หลังจากแสดงพระธรรมเทศนาแล้ว ท่านโกณฑัญญะได้ดวงตาเห็นธรรม เป็นคนแรก ได้กราบทูลขอบวชและพระพุทธองค์ก็ทรงอนุญาต โดยทรงทำการอุปสมบทให้แบบ เอหิภิกขุอุปสัมปทา นับเป็น “ปฐมสาวก” ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ดังนั้นในวันนี้จึงเป็นวันแรกที่มี พระรัตนตรัยครบองค์สาม คือ พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ เนื่องจากพระพุทธองค์ทรงเทศนาเป็นกัณฑ์แรก จึงเรียก พระธรรมเทศนา กัณฑ์นี้ว่า “ปฐมเทศนา” หรืออีกนัยหนึ่งอาจจะกล่าวได้ว่านับเป็นวันแรก ที่พระพุทธเจ้าทรงประกาศพระพุทธศาสนาจะเห็นได้ว่า ปรากฏการณ์สำคัญ ๆ ในวันนี้มีถึง 4 ประการ ด้วยกันคือ
1. เป็นวันที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงปฐมเทศนา คือ แสดงธรรมเป็นครั้งแรก
เพื่อโปรดเหล่าปัญจวัคคีย์ทั้ง 5 ได้แก่ อัญญาโกณฑัญญะ วัปปะ ภัททิยะ มหานามะ และอัสสชิ ณ ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน แขวงเมืองพาราณสี พระธรรมกัณฑ์แรกมีชื่อว่า ธรรมจักกัปปวัตนสูตร ซึ่งมีใจความสำคัญกล่าวถึงอริยสัจ หรือความจริงอันประเสริฐ 4 ประการ
2. เป็นวันแรกที่พระพุทธองค์ทรงได้ปฐมสาวก การแสดงธรรมครั้งแรกนี้ พระอัญญาโกณฑัญญะ ได้ฟังพระธรรมเทศนาธรรมจักกัปปวัตนสูตรแล้ว บังเกิดดวงตาเห็นธรรมทูลขอบวช ซึ่งพระพุทธองค์ประทานอนุญาตให้อุปสมบทเป็นภิกษุรูปแรกในพระพุทธศาสนา ด้วยวิธี เอหิภิกขุอุปสัมปทา เกิดพระสงฆ์รูปแรกขึ้นในโลก
3. เป็นวันแรกที่เกิดรัตนะครบสาม เป็นพระรัตนตรัย คือ พระพุทธรัตนะ พระธรรมรัตนะ พระสังฆรัตนะ
4. วันนี้เป็นวันคล้ายที่พระพุทธเจ้าทรงถือปฏิสนธิในพระครรภ์ของพระนางสิริมหามายา พระพุทธมารดา ในวันเพ็ญเดือนแปด ปีระกา ก่อนวันประสูติ 10 เดือน
วันอาสาฬหบูชาเป็นวันก่อนเข้าพรรษาและเป็นวันเริ่มต้นการทำบุญในระหว่างเข้าพรรษา ดังนั้นทางราชการจะถือเป็นวันหยุดราชการ พร้อมทั้งชักชวนให้ประชาชนประดับธงชาติตามอาคารบ้านเรือน วัดวาอารามและสถานที่ราชการ เพื่อให้ชาวพุทธได้เห็นความสำคัญและมีโอกาสร่วมทำบุญในวันนี้ ในตอนเช้าจะไปทำบุญที่วัด มีการทำบุญต่างๆ ตอนบ่ายมีการฟังเทศน์ ตอนค่ำจะมีการเวียนเทียน ฟังธรรม ที่วัด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น